fbpx
วิธีการเล่นหุ้นและวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

ผมไม่เคยเจอนักเก็งกำไรหรือนักเทคนิคที่ประสบความสำเร็จ!

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

เห็นคนส่วนใหญ่ชอบพูดกันว่าไม่เห็นมีใครรวยจากการดูกราฟหรือใช้เทคนิค บทความนี้ขอเขียนเป็นข้อมูลให้กับคนที่ชอบพูดว่าเขา “ไม่เคยเจอกับนักเก็งกำไรหรือนักเทคนิคที่ประสบความสำเร็จ (ในระยะยาว)” ใครเจอที่ไหนก็ช่วยเอาไปแปะให้เขาอ่านหน่อยแล้วกันครับ ^_^

ถ้าการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคได้ผลจริง แล้วทำไมยังไม่เห็นมีนักเทคนิคคนใดประสบความสำเร็จสักคน?

ก่อนจะเข้าเรื่องขอให้ทำความเข้าใจกันสักนิดนึงก่อน นั่นคือผมคิดว่าคำว่า “ความสำเร็จ” อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงเบอร์ 1 ของโลกนี้ก็ได้ และผมเห็นว่าเบอร์ 1 ไม่เคยมีอยู่จริง มันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเสมอ (ยกตัวอย่างเช่น นักเก็งกำไรนั้นเสียงดังมากๆในยุคของลิเวอร์มอร์) นอกจากนี้แล้วความสำเร็จยังอยู่ที่ Benchmark ในการวัดผลของแต่ละคนด้วย คุณไม่จำเป็นต้องมองแต่คนที่มีเม็ดเงินสูงสุดเพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าผลของการลงทุนมันมีหลายมิติ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีอัตราส่วนทางการเงินในหลายๆรูปแบบเพื่อวัดผลในการลงทุนของเรานั่นเองครับ

เอาล่ะครับ! หลังจากที่ผมลองนึกถึงนักเก็งกำไรชื่อดังต่างๆ รวมถึงลองค้นจากใน Google สักเพิ่มเติมอีกสักหน่อย รายชื่อของนักเก็งกำไรหลายๆคนก็เริ่มที่จะปรากฏขึ้นมาใน List ของผมจนเยอะพอสมควรแล้ว ไอ้ครั้นจะให้ผมเขียนถึงทุกคนก็คงไม่ไหว ในเบื้องต้นแล้วผมจึงขอเอาสัก 10 ชื่อเบิ้มๆตามมาตรฐานความร่ำรวยที่ได้รับการเปิดเผยก่อนแล้วกัน โดยในที่นี้ขอนำมาเฉพาะ Trader ที่มีหลักฐานว่าเขาใช้หลักการของ Technical Analysis หรืออาศัยสมมติฐานของค่าทางการเงินที่ได้จากการศึกษาข้อมูลสถิติในอดีตมาใช้พิจารณาในการเก็งกำไรกัน (เช่น ราคาหุ้น, ความผันผวนของหุ้น หรือผลตอบแทนของตลาด) ขาดตกอีกหลายๆชื่อไปต้องขอโทษด้วยครับ

นักเก็งกำไรในตำนานยุคเก่า

homma_munehisa

1. Munehisa Homma บิดาแห่งกราฟแท่งเทียน

Homma ผู้นี้เป็นตำนานของเหล่าผู้ใช้กราฟแท่งเทียน มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆจากความเก่งกาจและร่ำรวยของเขาในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยว่ากันว่าหากนำทรัพย์สมบัติที่ได้จากการเก็งกำไรของเขามาตีค่าออกเป็นมูลค่าของเงินในปัจจุบันแล้ว เขาจะมีทรัพย์สินอยู่ราวหนึ่่งแสนล้านดอลลาร์ (100 Billion) เลยทีเดียว สำหรับความยิ่งใหญ่ของเขานั้นว่ากันว่าชาวบ้านชาวเมืองแถวนั้นถึงกับเอาความสำเร็จของแกไปแต่งเป็นเพลงพื้นบ้านเลยทีเดียวครับ

Livermore หุ้น2. Jesse Livermore หมีใหญ่แห่ง WallSt.

ตำนานแห่ง Wallstreet ที่เคยเขย่าตลาดหุ้นจนได้รับฉายาว่า Boy Plunger โดยในช่วงที่ชีวิตของเขาประสบความสำเร็จนั้นเขามีทรัพย์สินอยู่ถึงราว 100 ล้านเหรียญ (หรือราว 2.3 Billion ในปัจจุบัน) แต่ด้วยปัญหาทางด้านสุขภาพจิตและชีวิตส่วนตัวที่รุมเร้า เขาจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายโดยเหลือทรัพย์สินติดตัวเพียง 5 ล้านเหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ตามแนวคิดต่างๆของเขาได้กลายเป็นรากฐานสำหรับนักเก็งกำไรทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

 

สุดยอดนักเก็งกำไรในยุคปัจจุบัน

james-simons3. James “Jim” Simon ผู้ก่อตั้งกองทุน Hedge Funds – Renaissance Technologies 

คุณลุงคนนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอด Trader และนักคณิตศาสตร์ของโลกคนหนึ่ง เพราะเขาได้เป็นผู้ร่วมคิดค้นทฤษฏี Chern-Simon Theory ไว้ในวงการคณิตศาสตร์เอาไว้ด้วย (ใครสงสัยว่ามันคืออะไรลองค้นใน Wikipedia ดูนะครับ) ฉายาของแกก็คือ “King of Quant” นั่นเอง

  • ทรัพย์สิน : 10.7 Billion
  • รูปแบบการลงทุน : High Frequency Trading (HFT)
  • สถิติที่น่าสนใจ  : ปัจจุบัน Medallion Fund มี CAGR ที่สูงกว่า 35% ต่อปี (หลังหักค่าบริหาร) มาตั้งแต่ปี 1990

 

Steve Cohen หุ้น4. Steve A. Cohen ผู้ก่อตั้งกองทุน Hedge Funds – SAC Capital

เขาคือเจ้าพ่อตลาดหุ้นและจ้าวแห่งศาสตร์ “Tape Reading” หรือการอ่านโวลุ่มการซื้อขายที่เกิดขึ้นในระยะสั้นถึงขนาดได้ฉายาว่าเป็น “Jesse Livermore” ในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว น่าเสียดายว่าเขาเป็นคนที่เก็บตัวเป็นอย่างมากเราจึงไม่มีข้อมูลส่วนตัวหรือวิธีการเก็งกำไรของเขาสักเท่าไหร่นัก

  • ทรัพย์สิน : 8.3 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Tape Reading
  • สถิติที่น่าสนใจ : CAGR เฉลี่ยตั้งแต่ปี 1992 – 2008 อยู่ที่ราว 40% ต่อปี

 

Bruce Kovner หุ้น เทคนิค5. Bruce Kovner ผู้ก่อตั้งกองทุน Hedge Funds – Caxton Associate

เขาคือผู้เยี่ยมยุทธ์ในวงการ Global Macro Funds สายเลือด Trend Following ผู้เป็นลูกศิษย์ของ Micheal Marcus (ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Ed Seykota อีกทีหนึ่ง) ใครที่สนใจถึงแนวคิดหรือประวัติของเขาลองหาอ่านบทสัมภาษณ์ที่เคยถูกตีพิมพ์ไว้ในหนังสือ Market Wizard โดย Jack Schwager ได้เลยครับ

  • ทรัพย์สิน : 4.5 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Global Macro – Trend Following
  • สถิติที่น่าสนใจ : ในช่วงยุค 80 กองทุนของเขามี CAGR ย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 87%/ปี

 

Paul Tudor Jones หุ้น6. Paul Tudor Jones ผู้ก่อตั้งกองทุน Hedge Funds – Tudor Investment Corperation

จากบทสัมภาษณ์ของเขาในหนังสือ Market Wizard เขาเชี่ยวชาญเทคนิคการเก็งกำไรแบบ Swing Trading เป็นอย่างมาก (เล่นสั้น – เล่นรอบ) เขาเป็นพวกชอบเล่นกับจุดกลับตัวของตลาด และเป็นถือเป็นนักเก็งกำไรที่มีความ Aggressive และมีสัญชาติญาณที่สูงเป็นอย่างมาก (แหกปากตะโกนตลอดเวลาว่างั้นเลย หุหุ)

  • ทรัพย์สิน : 3.4 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Contrarian – Swing Trading
  • สถิติที่น่าสนใจ : กองทุนเคยมีผลตอบเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 99% ถึง 5 ปีติดกัน

 

david-shaw หุ้น7. David Shaw ผู้ก่อตั้งกองทุน Hedge Funds – D.E. Shaw&Co.

Computer Scientist ผู้นี้คือผู้ที่มองเห็นโอกาสสร้างความมั่งคั่งจากตลาดด้วยการบุกเบิกการเก็งกำไรในสไตล์ High Speed Quantiative Trading คนต้นๆของวงการตั้งแต่ช่วงปี 2001 เลยทีเดียว และเขายังเป็นบุคคลอีกคนหนึ่งที่ได้รับฉายาว่า “King Quant” โดยนิตยสาร Fortune Magazine โดยในปัจจุบันนี้ Shaw เริ่มหันเหตนเองไปทำ Research ในสาย Computaional Biochemistry ด้วยความชอบของตนเองอย่างเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว

  • ทรัพย์สิน : 3 Billion
  • สไตล์การลงทุน : High Speed Quantiative Trading
  • สถิติที่น่าสนใจ : เขาเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประธานาธิบดีคลินตันและโอบามา

 

Stanley druckenmiller หุ้น8. Stanley Drunkenmiller – ผู้ก่อตั้งกองทุน Dunquesne Capital

ลูกหม้อคนสำคัญของ Gorge Soros ในยุค 90 ก่อนที่จะออกมาก่อตั้งกองทุนของเขาเอง วีรกรรมสำคัญของเขาก็คือการร่วมกันกับ Soros ถล่มธนาคารแห่งชาติของประเทศอังกฤษเสียจนเละด้วยการขายชอร์ททุบเงินปอนด์ในปี 1992 และโกยกำไรไปกว่า 1 Billion ไปในคราวเดียว เขามักใช้การอ่านกราฟมาช่วยในการหาจังหวะเวลาในการเดิมพัน และเชื่อในหลักของการรักษาเงินต้นและการทำโฮมรัน

  • ทรัพย์สิน : 2.5 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Top-Down Trading
  • สถิติที่น่าสนใจ : กองทุนของเขามี CAGR ภายใน 12 ปีอยู่ที่ 37% ก่อนที่จะปิดตัวลง

 

David Harding หุ้น9. David Harding ผู้ก่อตั้งกองทุน – Winton Capital Management

เขาคือผู้ที่ประกาศว่าตนเองคือ “Systematic Trend Follower” หรือนักเก็งกำไรตามแนวโน้มตัวจริง โดยเขาจะทำการลงทุนอย่างเป็นระบบตามที่งานวิจัยของเขาได้บ่งชี้เอาไว้เท่านั้น และเขายังเคยให้สัมภาษณ์ต่อหน้าพิธีกรรายการทีวีของ CNBC ไว้ด้วยซ้ำว่า “ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตลาด ผมไม่รู้ และผมไม่รู้จริงๆ เพราะผมไม่ได้มีญาณที่จะไปหยั่งรู้ได้!” … ไม่กลัวโดนถอนเงินออกจากกองทุนเลยน้าา อิอิ

  • ทรัพย์สิน : 1.3 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Systematic Trend Following
  • สถิติที่น่าสนใจ : ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1997 เขามีผลตอบแทนติดลบเพียงปีเดียว

 

John Henry หุ้น liverpool10. John W. Henry ผู้ก่อตั้งกองทุน J.W. Henry&Company และเจ้าของทีม Liverpool ในปัจจุบัน

John เริ่มต้นสะสมความมั่งคั่งมาจากการเป็นนักเก็งกำไรในตลาด Futures ก่อนที่จะเข้าเป็นเจ้าของทีม Boston Redsox และ Liverpool ที่แฟนบอลคนไทยหลายๆคนเป็นสาวกกัน เขาเป็นนักเล่นหุ้นแบบ Systematic Trend Following อีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยใช้เวลาไม่นานนัก

  • ทรัพย์สิน : 1.1 Billion
  • สไตล์การลงทุน : Systematic Trend Following
  • สถิติที่น่าสนใจ : ในอดีตเขานำผลกำไรที่ได้จากการเก็งกำไรในรูปแบบของ Trend Following กว่า 700 ล้านเหรียญไปต่อยอดซื้อทีม Boston Redsox

 

* ผมพยายามยกมาให้มันครบๆเหล่าของแนวทางการใช้เทคนิคแต่ละแนวนะครับ ส่วนที่ว่า Soros ทำไมไม่ติดโผบ้าง เพราะเท่าที่เคยศึกษาแกไม่ได้ดูกราฟเท่าไหร่ครับ

** ขอขอบคุณที่มาของมูลค่าทรัพย์สินจากรายงานของนิตยสาร Forbes ในเดือนมีนาคม 2012

องค์ประกอบร่วมของนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ

ขอแถมอีกนิดเนื่องจากว่าผมได้เคยศึกษาข้อมูลของนักเก็งกำไรระดับ Billionaire เหล่านี้มาบ้างจึงพอที่จะเห็นปัจจัยบางอย่างที่คล้ายๆกันดังนี้ครับ

  • พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็น Self-Made Billionare
  • มักใช้ระบบการลงทุนในการซื้อขายโดยอัตโนมัติหรือใช้คอมพิวเตอร์ในการให้สัญญาณซื้อขาย
  • มีกฏในการเก็งกำไรที่ชัดเจนมากๆและปฏิบัติตามอยู่เสมอ
  • มีแนวทางหรือระบบการลงทุนเป็นของตนเอง (ค้นคว้าด้วยตนเอง)
  • ส่วนใหญ่ทำการ Backtest ทดสอบระบบการลงทุนของพวกเขาย้อนหลังเป็นอย่างดีเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะนำมาลองใช้จริงในตลาด
  • ตรวจสอบและประเมิณสุขภาพของระบบหรือผลการลงทุนของพวกเขาอยู่เสมอ
  • พวกเขามักเริ่มต้นด้วยการขาดทุนหนักๆในปีแรกๆก่อนที่จะกลับมาทำกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำได้
  • มักใช้ “ตัวคูณ” ในการสร้างความร่ำรวยด้วยการตั้งกองทุนของพวกเขาขึ้นมา
  • แต่ละคนมีแนวทางหรือระบบการลงทุนที่เหมาะสมกับจริตของตนเอง
  • หลักการรักษาเงินต้นคือกฏข้อแรก พวกเขาจะนึกถึงความเสี่ยง “ก่อน” เสมอ
  • มีการควบคุมอารมณ์หรือจิตวิทยาการลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม
  • สิ่งสำคัญไม่ใช่กราฟ แต่เป็นความเข้าใจถึงความเสี่ยง, ผลตอบแทนและความน่าจะเป็น
  • … 9ล9

ถึงแม้ว่าสำหรับนักเล่นหุ้นไทยแล้วถึงมันดูจะยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างห่างไกลในหลายๆมุม แต่ก็หวังว่าจะช่วยแก้ข้อกังขา, เป็นกำลังใจ และทำให้มองเห็นความเป็นไปได้ของความสำเร็จจากการใช้หลักการวิเคราะห์หุ้นในเชิงเทคนิคคัลกันบ้างแล้ว ใครบอกว่าไม่มีใครร่ำรวยจากการเก็งกำไรก็ช่วยฝากเอา Link แปะหน่อยละกันครับ ^_^

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)